สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 9-15 พฤษภาคม 2565

 

ข้าว

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) โครงการสำคัญภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
1.1) ด้านการผลิต
(1) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และมาตรการควบคุม
ค่าเช่าที่นา
(2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาและส่งเสริมการเกษตร (ข้าวพันธุ์ กข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว โครงการเพิ่มปริมาณ
น้ำต้นทุนและเพิ่มพื้นที่ระบบส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรม และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตข้าวยั่งยืน
(3) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ผ่านระบบสหกรณ์ แผนการถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชหลังนาและการใช้น้ำในการผลิตพืชอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการผลิตพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต
(4) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)
(5) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และพันธุ์ข้าวเหนียว
(6) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
(7) การส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ (รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3)
1.2) ด้านการตลาด
(1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ และข้าว GAP ครบวงจร
(2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โครงการส่งเสริมผลักดันการส่งออกข้าว และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
(3) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ โครงการกระชับความสัมพันธ์และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทย เพื่อขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
(4) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
(5) การประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
(6) การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ประกอบด้วย
3 โครงการ ได้แก่
(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อรักษาราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ
โดยให้มีการเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เป้าหมายจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 8,600 บาท รวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2564/65โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2564/65 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกร
ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มีนาคม 2565 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2565) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
2.3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65
ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,411 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 12,023 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.22
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,594 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 8,566 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.32
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 30,325 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 28,975 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.66
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,600 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 911 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,294 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 880 ดอลลาร์สหรัฐฯ (29,953 บาท/ตัน)  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.52 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 1,341 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 461 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,836 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 468 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,930 บาท/ตัน)  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.50 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 94 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 473 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,248 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 474 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,134 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.21 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 114 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 34.3518 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากอุปทานข้าวในตลาดเริ่มตึงตัวหลังจากที่การเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (the winter-spring crop) ได้เสร็จสิ้นลงเกือบหมดแล้ว โดยราคาข้าวขาว 5% อยู่ที่ระดับ 420 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่อยู่ระดับ 415 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน
วงการค้าคาดว่า ทิศทางราคาข้าวอาจจะอ่อนตัวอีกครั้งในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่จะเริ่มมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวฤดูการผลิตฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง (the summer-autumn crop)
สำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนาม (Vietrade) ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (the Ministry of Industry and Trade; MoIT) จะประสานงานกับสำนักงานการค้าของเวียดนามในประเทศสมาชิกของสมาคม ประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) เพื่อจัดประชุมหารือเกี่ยวกับการส่งออกข้าว โดยที่ปรึกษาการค้าของเวียดนามในอินโดนีเซียและลาว และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบกิจการการค้าในมาเลเซีย สิงคโปร์และไทย จะรายงานเกี่ยวกับตลาดส่งออกข้าวหลักของเวียดนาม
เมื่อปีที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์เป็นผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม (คิดเป็นร้อยละ 38 ของการส่งออกข้าวทั้งหมดของเวียดนาม) โดยนําเข้าข้าวประมาณ 2.45 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10.7 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา) มูลค่ากว่า 1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 509 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน (เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7.1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา) และในไตรมาสแรกของปี 2565 ฟิลิปปินส์ยังคงเป็นผู้นําเข้าข้าวอันดับ 1 ของเวียดนาม
โดยนําเข้าข้าวประมาณ 672,000 ตัน มูลค่าประมาณ 311 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 462.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน คิดเป็นร้อยละ 44.7 และร้อยละ 42.6 ของปริมาณและมูลค่าการส่งออกข้าวทั้งหมดของเวียดนาม ตามลำดับ นอกจากฟิลิปปินส์แล้ว เวียดนามยังส่งออกข้าวไปยังตลาดสำคัญอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และบรูไน
ทั้งนี้ การส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังมาเลเซียในเดือนมกราคม 2565 มีจำนวนประมาณ 35,000 ตัน มูลค่าประมาณ 16.07 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 104 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 67.5 เมื่อเทียบกับช่วง เดียวกันของปีที่ผ่านมา
กระทรวงฯ เห็นว่า เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการส่งออก ภาคส่วนควรสํารวจความต้องการข้าวในแต่ละตลาดอาเซียน โดยชี้ว่าเวียดนามควรให้ความสำคัญกับนโยบายการค้ากับประเทศในภูมิภาคมากขึ้น ใช้ประโยชน์จาก
ข้อได้เปรียบจากข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียนและคู่ค้าทั่วโลก และยกระดับความสามารถทางเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้า
ทั้งนี้ เวียดนามได้เดินหน้าผลิตข้าวคุณภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนถึงร้อยละ 80 ของผลผลิตทั้งหมด ของประเทศ ในอนาคตจึงอาจจะเป็นการยากที่จะแข่งขันกับข้าวที่มีราคาถูกกว่าจากอินเดีย เมียนมาร์ และปากีสถาน อย่างไรก็ตาม การผลิตข้าวคุณภาพสูงส่งผลให้ราคาข้าวเวียดนามปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2563 ขณะที่ประเทศยังคงให้ความสำคัญกับการผลิตข้าวคุณภาพสูง และคาดการณ์ว่าราคาข้าวจะมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีการกำหนดเป้าหมายการส่งออกไว้เพียง 4 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573
เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและผู้กำหนดนโยบาย ได้เรียกร้องให้ผู้ผลิตข้าว
ทำการทบทวนตลาดสำคัญๆ อย่างครอบคลุม รวมทั้งตลาดอาเซียน สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพื่อค้นหาสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานข้าวเวียดนาม
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) รายงานว่า ในเดือนมีนาคม 2565 เวียดนามส่งออกข้าวจำนวน 522,382 ตัน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 11.58 เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ส่งออกจำนวน 468,144 ตัน แต่ลดลงประมาณร้อยละ 1.62 เมื่อเทียบกับจำนวน 530,987 ตัน ในเดือนมีนาคม 2564
โดยในเดือนมีนาคม 2565 ชนิดข้าวที่เวียดนามส่งออก ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% จำนวน 100,104 ตัน ข้าวขาว 10% จำนวน 3,047 ตัน ข้าวขาว 15% จำนวน 12,427 ตัน ข้าวขาว 25% จำนวน 17,706 ตัน ปลายข้าวขาว จำนวน 11,153 ตัน ข้าวเหนียว จำนวน 54,814 ตัน ข้าวหอม จำนวน 306,399 ตัน และข้าวอื่นๆ จำนวน 16,732 ตัน โดยส่งไปยังตลาด
ในภูมิภาคต่างๆ ประกอบด้วย
1. ตลาดเอเชีย จำนวน 314,849 ตัน ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% จำนวน 95,414 ตัน ข้าวขาว 10% จำนวน 2,955 ตัน ข้าวขาว 15% จำนวน 12,427 ตัน ข้าวขาว 25% จำนวน 13,432 ตัน ปลายข้าวขาว จำนวน 9,703 ตัน ข้าวเหนียว จำนวน 54,158 ตัน ข้าวหอม จำนวน 118,798 ตัน และข้าวอื่นๆ จำนวน 7,962 ตัน
2. ตลาดแอฟริกา จำนวน 184,710 ตัน ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% จำนวน 3,404 ตัน ข้าวขาว 25% จำนวน 2,349 ตัน ปลายข้าวขาว จำนวน 500 ตัน ข้าวเหนียว จำนวน 25 ตัน ข้าวหอม จำนวน 173,808 ตัน และ ข้าวอื่นๆจำนวน 4,624 ตัน
3. ตลาดยุโรป จำนวน 6,425 ตัน ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% จำนวน 135 ตัน ข้าวเหนียว จำนวน 497 ตัน ข้าวหอม จำนวน 4,613 ตัน และข้าวอื่นๆ จำนวน 1,181 ตัน
4.ตลาดอเมริกา จำนวน 4,720 ตัน ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% จำนวน 114 ตัน ข้าวเหนียว จำนวน 100 ตัน ข้าวหอม จำนวน 4,100 ตัน และข้าวอื่นๆ จำนวน 407 ตัน
5.ตลาดโอเชียเนีย จำนวน 11,677 ตัน ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% จำนวน 1,038 ตัน ข้าวขาว 10% จำนวน 92 ตัน ข้าวขาว 25% จำนวน 1,925 ตัน ปลายข้าวขาว จำนวน 950 ตัน ข้าวเหนียว จำนวน 34 ตัน ข้าวหอม จำนวน5,080 ตัน และข้าวอื่นๆ จำนวน 2,559 ตัน
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
อินเดีย
ภาวะราคาข้าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากมีคำสั่งซื้อข้าวเกือบทุกชนิดจากประเทศในแถบเอเชียและแอฟริกาเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าเงินรูปีแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ โดยราคาข้าวนึ่ง 5% อยู่ที่ระดับ 363-367 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่อยู่ระดับ 361-365 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน
วงการค้าระบุว่า ความต้องการข้าวจากต่างประเทศยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มของข้าวหัก
ที่นําไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์และแปรรูปอาหาร
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.06 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 10.03 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.87 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.72 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.94
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 12.90 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 12.78 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.94 ส่วนราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 383.00 ดอลลาร์สหรัฐ (13,158.00 บาท/ตัน)  ลดลงจากตันละ 388.00 ดอลลาร์สหรัฐ (13,014.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.29 แต่สูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 144.00 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนกรกฎคม 2565 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกัน ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 796.00 เซนต์ (10,906.00 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชลละ 802.00 เซนต์ (10,878.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.75 แต่สูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 28.00 บาท

 


มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2565 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – กันยายน 2565) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 10.179 ล้านไร่ ผลผลิต 34.691 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.408 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 10.406 ล้านไร่ ผลผลิต 35.094 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.372 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยวและผลผลิต ลดลงร้อยละ 2.18 และร้อยละ 1.15 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.07 โดยเดือนพฤษภาคม 2565 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 1.294 ล้านตัน (ร้อยละ 3.73 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2565 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2565 ปริมาณ 20.48 ล้านตัน (ร้อยละ 59.04 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงฤดูการเก็บเกี่ยว หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดมาก เนื่องจากมีฝนตกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ผลผลิตมีคุณภาพลดลง (เชื้อแป้งลดลง) สำหรับลานมันเส้นและโรงงานแป้งมันสำปะหลังส่วนใหญ่เปิดดำเนินการ
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.52 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.47 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 2.02
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.25 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.96 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 4.17
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ8.73 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.59 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.63
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.65 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 15.92 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 2.15
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 284 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9,820 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากเฉลี่ยตันละ 283 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9,690 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.35
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 508 ดอลลาร์สหรัฐฯ (17,530 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากเฉลี่ยตันละ 505 ดอลลาร์สหรัฐฯ (17,280 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.59

 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2565 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนพฤษภาคมจะมีประมาณ 1.699 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.306 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.775 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.320 ล้านตันของเดือนเมษายน คิดเป็นร้อยละ 4.28 และร้อยละ 4.38 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 10.76 บาท ลดลงจาก กก.ละ 11.46 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 6.11
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 59.19 บาท ลดลงจาก กก.ละ 61.22 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.32                       
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
มาเลเซียมีปริมาณการส่งออกน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ผู้ผลิตรายใหญ่ อินโดนีเซีย มีคำสั่งห้ามการส่งออก โดยการส่งออกของมาเลเซียระหว่างวันที่ 1 – 10 พฤษภาคม เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในเดือนก่อน ร้อยละ 40 อยู่ที่ 0.39 ล้านตัน อุปทานโลกที่หยุดชะงักจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดโคโรนา-19 และวิกฤติสงครามยูเครน ทำให้บางประเทศได้เปลี่ยนท่าทีหลังจากที่เคยมีการห้ามใช้น้ำมันปาล์ม โดยในเดือนพฤษภาคม ยุโรปได้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียสูงขึ้นถึงร้อยละ 120 ไปอยู่ที่ 0.13 ล้านตัน
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 7,039.00 ดอลลาร์มาเลเซีย (56.36 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 7,058.00 ดอลลาร์มาเลเซีย (56.34 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.27  
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,681.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (58.48 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,750.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (60.32 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.94
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน

 


อ้อยและน้ำตาล

1. สรุปภาวะการผลิต  การตลาดและราคาในประเทศ

         
ไม่มีรายงาน

2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
         กรรมาธิการอ้อยของรัฐมหาราษฏระของอินเดีย รายงานว่า การเก็บเกี่ยวในรัฐมหาราษฏระอาจขยายไปจนถึงต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งเสี่ยงต่อการชนกับช่วงมรสุมซึ่งอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ทั้งนี้การผลิตน้ำตาลทั้งหมด  คาดว่าจะเกิน 13.5 ล้านตัน ขณะที่ StoneX คาดว่าในปี 2565/2566 อินเดียจะผลิตน้ำตาลได้ 36.5 ล้านตัน
         หัวหน้าของ PT Perkebunan Nusantara (PTPN) มีความมั่นใจว่าบริษัท จะช่วยให้อินโดนีเซียมี    น้ำตาลทรายขาวแบบพอเพียงต่อความต้องการได้ภายในปี 2567 ตามคำร้องขอของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงรัฐวิสาหกิจ (BUMN)  บริษัทวางแผนที่จะผลิตน้ำตาลเพื่อการบริโภคในประเทศที่ 1.1 ล้านตัน ในปี 2565




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ กิโลกรัมละ 20.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 18.00 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 11.11
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,665.90 เซนต์ (21.30 บาท/กก.)ลดลงจากบุชเชลละ 1,667.28 เซนต์ (21.12 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.08
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 403.58 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14.04 บาท/กก.)ลดลงจากตันละ 431.58 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14.88 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 6.49
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 88.57 เซนต์ (67.91 บาท/กก.) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 85.80 เซนต์ (65.18 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.23


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี        
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 874.40 ดอลลาร์สหรัฐ (30.06 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 882.00 ดอลลาร์สหรัฐ (30.02 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.86 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.04 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 698.20 ดอลลาร์สหรัฐ (24.00 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 704.33 ดอลลาร์สหรัฐ (23.97 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.87 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,196.60 ดอลลาร์สหรัฐ (41.13 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,207.33 ดอลลาร์สหรัฐ (41.10 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.89 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 756.80 ดอลลาร์สหรัฐ (26.01 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 763.33 ดอลลาร์สหรัฐ (25.98 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.86 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,132.40 ดอลลาร์สหรัฐ (38.92 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,142.00 ดอลลาร์สหรัฐ (38.87 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.84 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.05 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.33 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 41.44 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.68
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.87 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 30.59 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.18
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 65.50 คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน


 

 
ฝ้าย

   1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
    ราคาที่เกษตรกรขายได้
    ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ ไม่มีการรายงานราคา
    ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
    ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนกรกฎาคม 2565 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 144.04 เซนต์(กิโลกรัมละ 110.49 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 149.60 เซนต์ (กิโลกรัมละ 113.69 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.72 (ลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 3.20 บาท)

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,724 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,854 บาท คิดเป็นร้อยละ 7.04 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,400 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,495 บาทคิดเป็นร้อยละ 6.40 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,002 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,013 บาทคิดเป็นร้อยละ 1.10 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์
 
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
  
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้น เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีน้อยกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  96.35 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 94.11  คิดเป็นร้อยละ 2.38 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 88.72 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 87.43 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 101.54 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 95.17 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 3,400 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 98.50 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 96.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.07 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 43.08 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 43.12 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.09 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 32.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 44.31 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 44.16 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 15.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 53.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 326 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 321 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 315 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 332 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 332 บาท ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.72 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 371 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 367 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.96 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 393 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 382 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 345 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 372 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.85 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 100.39 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 99.86 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.53 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 95.96 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 104.57 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 91.36 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 109.29 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 82.64 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 80.88 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.18 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.25 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 81.37 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน

 
 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 9 - 15 พฤษภาคม 2565) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 58.75 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคคงที่
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 78.33 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 8.33 บาท
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.33 บาท ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 79.38 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.95 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 136.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 16.67 บาท
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 147.45 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 145.25 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.20 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 142.50 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 138.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.5 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.20 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 66.04 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.16 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคเพิ่มมขึ้น
 สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 260.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 193.33 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 66.67 บาท
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.84 บาท ราคาลดลงเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 6.85 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.00 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 33.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา